![]() |
Merida hardtail mountain bike Big Nine TFS 100 black |
วันนี้เริ่มบทความด้วยความงงมันจะอะไรกันนักหนาเนี้้ยครับ ยังไม่หมดปี2013เลยรุ่นปี2014ออกมาแล้วเนี้ยเตรียมตัวไม่ทันเลยจริงๆ
จะเก็บเงินยังไงทันถึงจะใจรักแต่อีแก่คู่ชีพทำยังไงดี หนอถ้าออกคนใหม่มาขี้แล้วอีแก่่คู่ชีพจะเอาไปไว้ไหนถ้ายังงั้นอย่าเพิ่งดี
กว่าอีแก่คันเก่าก็ยังดีๆมาเข้าเรื่องดีว่าเน่าะออกนอกทางไปไกลล่ะอิอิอิอิอิอิอิเริ่มกันที่นี้ล่ะกัน
สำหรับวันนี้
เทคนิคในการปั่นจักรยานให้เร็ว
และในขณะเดียวกันต้องรู้สึกว่าปั่นสบาย ไม่ปวดหลัง เอว คอ แขน และขา
นักจักรยานจะต้องรู้จักการจัดวางตำแหน่งของร่างกายให้เหมาะสมตามสภาพเส้นทางที่ต้องขี่ผ่าน
นักจักรยานเสือภูเขาจะวางตำแหน่งของร่างกายไม่เหมือนกับนักจักรยานเสือหมอบ
เพราะต้องคอยปรับน้ำหนักตัวให้รถจักรยานเกิดความสมดุลตลอดเวลาเนื่องจากพื้นผิวของเส้นทางและอุปสรรค์ต่างๆที่อยู่ในเส้นทางทำให้นักกีฬาไม่สามารถนั่งปั่นได้นานๆเหมือนกับการขี่จักรยานเสือหมอบซึ่งใช้เส้นทางบนถนนที่มีพื้นผิวเรียบสบาย
ฉะนั้นนักจักรยานเสือภูเขาจะต้องการจัดวางตำแหน่งของร่างกายให้ถูกต้องเหมาะสม
ซึ่งก็ยังมีนักปั่นชาวเสือเป็นจำนวนมากจัดวางตำแหน่งของท่าขี่ไม่ถูกต้อง จึงมักทำให้เกิดปัญหามากมายเกี่ยวกับการควบคุมรถ
ให้อยู่ในการบังคับของผู้ขี่ตลอดเวลา
(บางครั้งความเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้าก็เป็นสาเหตุของข้อผิดพราดในการบังคับรถให้ปลอดภัยเช่นกัน)
โดยปกติรถจักรยานที่เราใช้แข่งขันไม่ว่าจะมีราคาแพงหรือถูกไม่ใช่จุดสำคัญ
แต่รถจักรยานที่ว่านั้นจะต้องถูกเซทรถให้เหมาะสมกับตัวผู้ขี่มากที่สุดจึงจะทำให้จักรยานที่ใช้ขี่อยู่ในการควบคุมที่ดีตลอดเวลา
ในทุกสถานการณ์ไม่ว่าจะขี่ ขึ้นเขา ลงเขา เลี้ยวซ้าย – ขวา
การหลบหลีก หรือแม้แต่การกระโดดข้ามเครื่องกีดขวาง “เราผู้ขี่จะต้องเป็นเจ้านายมัน
ไม่ใช่มันเป็นเจ้านายเรา” ซึ่งการจะทำเช่นนั้นได้เราต้องอาศัยเทคนิคในการจัดตำแหน่งการวางร่างกายเกี่ยวกับท่าขี่ให้เหมาะสมถูกต้อง
เพื่อประโยชน์ในด้านประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการปั่นให้มีมากที่สุด
ผู้เขียนขอเสนอแนะเทคนิคการจัดวางตำแหน่งของท่าขี่จักรยานเสือภูเขา 2
วิธี ดังนี้
1. การวางตำแหน่งในการนั่งปั่นบนอาน
การปั่นจักรยานตามปกติจะนั่งปั่นบนอาน
การนั่งปั่นอยู่บนอานจะมีจุดรับน้ำหนักตัวของผู้ขี่ตกอยู่บนรถจักรยาน 3
จุดใหญ่ด้วยกันคือ จุดแรกคือที่อาน ซึ่งเป็นจุดที่รับน้ำหนักตัวของผู้ขี่มากที่สุด
จุดที่สองคือลูกบันได เป็นจุดที่รับน้ำหนักรองลงมาจากอาน และจุดสุดท้ายคือที่
แฮนด์
ทั้งสามจุดนี้จะรับน้ำหนักตลอดเวลาถ้าผู้ขี่นั่งปั่นจักรยานมากน้อยต่างกันขึ้นอยู่กับสภาพเส้นทางที่ขี่ผ่าน
จุดสำคัญขณะขี่รถจักรยานต้องเกิดความสมดุล
ฉะนั้นการวางตำแหน่งในการนั่งปั่นบนอานสามารถทำได้ดังนี้
1.1 การวางก้นนั่งเต็มอาน
ผู้ขี่จะใช้อานเต็มพื้นที่โดยนั่งเต็มพื้นที่ของอานทั้งหมดเท่ากับความกว้างของอานที่ใช้
ท่าขี่นี้จะใช้นั่งขี่บนเส้นทางราบเรียบสบายๆ
เป็นช่วงที่ผู้ขี่สามารถขี่ทำความเร็วได้
1.2
การวางก้นนั่งกลางอาน ผู้ขี่จะต้องเขยิบก้นเถือบมาข้างหน้าอานเล็กน้อยให้น้ำหนักตัวตกอยู่กลางอาน
สาเหตุที่ต้องนั่งปั่นแบบนี้ก็เพื่อเพิ่มแรงกดลูกบันไดให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น
ทำให้สามารถเพิ่มความเร็วในการปั่นจักรยานได้เพิ่มขึ้น
ท่านั่งนี้จะใช้ขี่แข่งแบบสปริ้นท์ และการขี่ขึ้นเขาชันปานกลาง
1.3
การวางก้นนั่งปั่นปลายอานด้านหน้า
ผู้ขี่เสือภูเขาจะต้องเขยิบก้นเลื่อนขึ้นไปข้างหน้าให้มากขึ้นกว่าการนั่งกลางอาน
จุดประสงค์เพื่อเพิ่มแรงกดลูกบันไดให้มีมากขึ้นกว่าเดิม
ในขณะเดียวกันก็เป็นการสร้างความสมดุลให้กับรถจักรยาน
ในขณะที่ต้องขี่ขึ้นเขาชันมากๆ(ถ้าไม่เขยิบก้นขึ้นจะทำให้รถจักรยานหน้ายกลอยขึ้นทำให้เสียความสมดุลได้)
1.4
การวางก้นนั่งปลายอานด้านหลัง ผู้ขี่ต้องเขยิบก้นถอยกลับมาข้างหลังของอาน
ทำให้ล้อหลังซึ่งเป็นล้อแรงขับมีมากขึ้น
จุดประสงค์เพื่อเป็นการเพิ่มแรงดันในการถีบลูกบันไดให้มีมากขึ้น
เป็นการวางตำแหน่งของท่าขี่ที่ใช้ในการขี่ขึ้นเขาสูงที่ลาดยาวขึ้นไปเรื่อยๆ
2. การวางตำแหน่งในการยืนปั่นบนจักรยาน
เป็นไปไม่ได้ว่าการขี่จักรยานของเราจะต้องนั่งปั่นจักรยานตลอดเวลา
เพราะอาการเมื่อยล้าอาจเกิดขึ้นกับผู้ขี่ได้
โดยเฉพาะบริเวณกล้ามเนื้อก้นของเราที่ต้องนั่งปั่นบนอานนานๆทำให้
เกิดอาการเมื่อยล้าดังนั้นการเปลี่ยนตำแหน่งจากท่านั่งมาเป็นท่ายืนปั่นทำให้รถเกิดความสมดุลและใช้ในการขี่หลบหลีกเครื่องกีดขวางหรืออุปสรรค์ต่างๆได้ดีขึ้น
ตลอดจนเป็นการเปลี่ยนอิริยาบถทำให้เกิดการผ่อนคลายของกล้ามเนื้อส่วนต่างๆที่ใช้ในการปั่นจักรยาน
การยืนปั่นทำได้หลายหลากหลายรูปแบบดังนี้
2.1
การยืนปั่นบนลูกบันไดทั้งสองข้าง
ขณะที่ยืนขี่ผู้ขี่จะต้องให้น้ำหนักของตนเองอยู่ตรงกลางรถจักรยานให้ได้
โดยการถ่านน้ำหนักตัวไปที่ลูกบันไดทั้งสองข้างเท่าๆกัน
ยืนโยกปั่นลูกบันไดให้สม่ำเสมอจนรู้สึกว่ากล้ามเนื้อก้นผ่อนคลายแล้วจึงนั่งปั่นตามปกติ
2.2
การยืนอยู่บนลูกบันไดทั้งสองข้าง
ผู้ขี่จะต้องให้น้ำหนักตัวของตนเองอยู่ตรงกลางรถจักรยานให้ได้
โดยถ่ายน้ำหนักกดน้ำหนักตัวไปที่ลูกบันไดทั้งสองข้างเท่าๆกัน
ในขณะที่ก้านบันไดทั้งสองวางขนานพื้นตลอดเวลาที่ 3
และ 9 นาฬิกา การจัดวางตำแหน่งในท่านี้ไม่ต้องปั่นลูกบันได
จุดประสงค์ เพื่อเปลี่ยนอิริยาบถ เตรียมตัวกระโดดข้ามเครื่องกีดขวาง
และหลบหลีกอุปสรรค์ต่างๆ
2.3
การยืนบนลูกบันไดทั้งสองข้างโดยให้น้ำหนักตัวมาอยู่ที่ล้อหลัง
ผู้ขี่ต้องถ่ายน้ำหนักตัวให้มาอยู่ที่ล้อหลังมากขึ้น
(ปกติน้ำหนักตัวผู้ขี่จะตกที่ล้อหน้า-หลัง 40:60) มือทั้งสองกำแฮนด์ด้วยนิ้ว
โป่ง กลาง นาง ก้อย แขนทั้งสองเหยียดตึงโดยมีนิ้วชี้คอยแตะเบรกตลอดเวลา
2.4
การยืนปั่นบนลูกบันไดโน้มตัวมาข้างหน้า
ผู้ขี่จะต้องพยายามจัดร่างกายโดยการโน้มลำตัวไปข้างหน้าขณะที่ยืนปั่นลูกบันได
จุดประสงค์เพื่อเพิ่มแรงกดให้กับลูกบันไดให้มีมากยิ่งขึ้น
ในขณะที่ต้องขี่ขึ้นทางชันมากๆ หรือใช้ในการออกตัวเริ่มการแข่งขัน หรือการสปริ้นท์เข้าเส้นชัยด้วย
หมายเหตุ
การโน้มตัวไปข้างหน้าที่ดีรถจักรยานจะต้องเกิดความสมดุลตลอดเวลาคือล้อหลังจะไม่ฟรีแม้จะออกแรงปั่นมากเพียงใดก็ตาม
2.5
การยืนปั่นบนลูกบันไดที่ 6 และ 12
นาฬิกา ผู้ขี่จะยืนด้วยเท้าใดเท้าหนึ่งเป็นเท้านำก็ได้แล้วแต่ความถนัด
โดยลูกบันไดที่อยู่ต่ำสุดจะเป็นตัวรองรับน้ำหนักตัวของผู้ขี่ทั้งหมด
จุดประสงค์เพื่อใช้ในการขี่เข้าโค้ง
หรือใช้ในการยืดกล้ามเนื้อน่องโดยการกดส้นเท้าให้ต่ำลง
3. ตำแหน่งในการวางเท้าขณะปั่นลูกบันได
การวางเท้าในขณะปั่นลูกบันไดเป็นจุดสำคัญที่นักปั่นชาวเสือต้องพยายามศึกษาหาจุดสำคัญนี้ให้ได้
เพราะการรู้จักวางเท้าในการปั่นให้ถูกต้องกับกิจกรรมการปั่นที่กำลังแข่งขัน/ฝึกซ้อมอยู่
ทำให้นักกีฬาได้เปรียบในการแข่งขัน สามารถทำได้ดังนี้
3.1
การวางส้นเท้าตำกว่าปลายเท้าขณะปั่น จุดประสงค์เพื่อเพิ่มแรงดันให้มีมากกว่าแรงดึง
ใช้ในการขี่จักรยานขึ้นเขา ผ่านทราย โคลน
หรือเพื่อเป็นการผ่อนคลายกล้ามเนื้อน่อง(กดส้นเท้าลงยืดน่อง)
การวางตำแหน่งของเท้าแบบนี้เป็นท่าขี่ที่ใช้ความเร็วค่อนข้างน้อย
3.2
การวางเท้าขนานกับลูกบันได จุดประสงค์ใช้ในการปั่นสบายๆบนถนนทางเรียบ
และใช้เป็นท่าขี่แข่งขันประเภทจับเวลา เช่น ไทม์ไทรอัล
การวางเท้าที่ขนานกับลูกบันไดสามารถปั่นทำความเร็วได้ในระดับปานกลาง
จักรยานเสือภูเขาจะใช้วิธีการวางเท้าแบบนี้มากในการแข่งขัน 3.3
การวางเท้าให้ปลายเท้าจิก จุดประสงค์เป็นการปั่นเร่งความเร็วสูง
ในขณะขี่สปริ้นท์เข้าเส้นชัย หรือขี่หนีคู่แข่งขัน
นอกจากนี้ยังใช้ในการขี่ลงเขาที่ใช้ความเร็วสูงๆ
4. การวางตำแหน่งของแขนและมือในขณะขี่
การวางตำแหน่งของแขนและมือ ผู้ขี่ต้องพยายามฝึกวางให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม
จะทำให้การขี่จักรยานรู้สึกสดวกสบายและมีความมั่นคงในการบังคับจักรยานให้เกิดความสมดุลยิ่งขึ้น
ถือว่าเป็นการจัดระเบียบของร่างกายให้อยู่ในตำแหน่งของการนั่งหรือยืนปั่นจักรยานที่เหมาะสม
โดยที่มือทั้งสองจับแฮนด์จักรยานอยู่ตลอดเวลาในขณะขี่
การวางตำแหน่งที่ดีของมือและแขนแขนจะไม่เกร็ง ซึ่งมีท่าการวางมือดังนี้
4.1
การวางมือกำแฮนด์สบายๆแขนงอเล็กน้อย จุดประสงค์ เพื่อยกลำตัวขึ้นให้เกิดความสบาย
การหายใจทำได้สะดวกทำให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลายในขณะขี่
4.2
การวางมือกำแฮนด์หลวมๆแขนงอเล็กน้อย จุดประสงค์
เพื่อลดแรงสั่นสะเทือนจากล้อที่ต้องขี่ผ่านเส้นทางที่สะเทือน
(แขนที่งอจะช่วยลับแรงสั่นสะเทือนนั้นๆ)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น